“ความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างไทย–กัมพูชา” ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2468–2568)
1. ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1–2 (พ.ศ. 2468–2488)
-
ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาช่วงนี้ยังอยู่ภายใต้อาณานิคมฝรั่งเศส
-
ไทยเคยได้ดินแดนบางส่วนคืนจากฝรั่งเศส (เช่น พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ) ในปี 2484 หลังสงครามอินโดจีน แต่ต้องคืนให้ฝรั่งเศสเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 (2489)
-
เป็นการเปลี่ยนเขตแดนครั้งสำคัญแต่ไม่ได้เป็นการรบตรงกับกัมพูชา
2. คดีปราสาทพระวิหาร (พ.ศ. 2500–2505)
-
พ.ศ. 2502 ไทย–กัมพูชาเกิดข้อพิพาทเรื่อง “ปราสาทพระวิหาร”
-
พ.ศ. 2505 ศาลโลก (ICJ) ตัดสินให้ ตัวปราสาทตกเป็นของกัมพูชา แต่ทางขึ้นหลักยังอยู่ฝั่งไทย
-
ช่วงนั้นมีความตึงเครียดชายแดน แต่ยังไม่เกิดสงครามเต็มรูปแบบ
3. ช่วงสงครามเย็นและเขมรแดง (พ.ศ. 2518–2533)
-
หลังปี 2518 กัมพูชาตกอยู่ใต้อำนาจ เขมรแดง ทำให้ไทย–กัมพูชามีแนวชายแดนปะทะบ่อยครั้ง
-
กองทัพไทยต้องเผชิญ การสู้รบและการอพยพผู้ลี้ภัยหลายแสนคน เข้ามาฝั่งไทย โดยเฉพาะแถบอรัญประเทศ–สระแก้ว–ศรีสะเกษ
-
ช่วงปี 2522–2533 ไทยมีการปะทะกับทั้งทหารเวียดนาม (ที่เข้ามายึดกัมพูชา) และกองกำลังเขมรแดงที่เคลื่อนไหวตามแนวชายแดน
-
ถือเป็น ช่วงที่มีการสู้รบจริง หลายครั้ง แต่เป็นลักษณะชายแดน ไม่ใช่สงครามใหญ่
4. หลังสันติภาพกัมพูชา (พ.ศ. 2534–2549)
-
หลังการทำ ข้อตกลงปารีส ปี 2534 และสหประชาชาติเข้ามาจัดการเลือกตั้ง กัมพูชาเริ่มสงบ
-
ไทยกับกัมพูชาเริ่มฟื้นความสัมพันธ์ มีการค้า การลงทุน แต่ปัญหาเขตแดนยังคงค้างคา
-
ไม่ปรากฏการสู้รบใหญ่ แต่มีปัญหาชายแดนและการก่อเหตุเล็กน้อย
5. ความขัดแย้งปราสาทพระวิหารรอบใหม่ (พ.ศ. 2551–2554)
-
จุดปะทุคือ การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ปี 2551
-
ไทย–กัมพูชาต่างกล่าวหากันว่า บุกรุกเขตแดน นำไปสู่ การปะทะด้วยอาวุธ หลายครั้ง
-
ก.ค. 2551 → การปะทะครั้งแรก บริเวณบ้านพระวิหาร
-
เม.ย. 2552 และ เม.ย.–พ.ค. 2554 → มีการยิงปืนใหญ่–จรวด ปะทะหนักสุดตั้งแต่หลังสงครามเย็น
-
-
มีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนหลายสิบคน บ้านเรือนเสียหาย และประชาชนชายแดนต้องอพยพ
6. หลังคำตัดสินศาลโลก (พ.ศ. 2556–ปัจจุบัน)
-
พ.ศ. 2556 ศาลโลก (ICJ) ตีความเพิ่มเติมว่า พื้นที่รอบปราสาทบางส่วนเป็นของกัมพูชา
-
หลังจากนั้นทั้งสองประเทศพยายามลดความตึงเครียด แต่ ปัญหาชายแดนและเขตแดนที่ยังไม่ชัดเจน ก็ยังคุกรุ่นอยู่
-
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2568) ไม่มีการรบใหญ่ แต่ยังมีการเฝ้าระวังชายแดนและความไม่ไว้ใจกัน
ในปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) มีหลายช่วงเวลาของการปะทะรุนแรงระหว่างไทย–กัมพูชา ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตพลเรือนและทหารอย่างมีนัยสำคัญ สามารถสรุปรายละเอียดให้เข้าใจง่ายดังนี้ :
เหตุการณ์สู้รบเด่นในปี 2568
1. เหตุปะทะบริเวณช่องบก (28 พฤษภาคม 2568)
-
ทหารไทยและกัมพูชาปะทะกันบริเวณช่องบก (บริเวณอุบลราชธานี) หลังจากกองกำลังกัมพูชาขุดคูน้ำในพื้นที่พิพาท
-
ทำให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
-
แม้มีการเจรจาผ่านคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี (JBC) แต่กัมพูชาปฏิเสธถอนกำลังจากพื้นที่นั้น
2. การรุกล้ำเขตชายแดน (มิถุนายน 2568)
-
กัมพูชายืนยันอธิปไตยเหนือ “สามเหลี่ยมมรกต”
-
ไทยปฏิเสธอำนาจศาลโลกและยืนยันใช้กลไกทวิภาคี
-
เริ่มมีการเสริมกำลังปิดด่านชายแดนหลายแห่ง และกองกำลังไทยเริ่มมาตรการควบคุมด่านอย่างเข้มงวด
3. ปะทะใหญ่ในเดือนกรกฎาคม 2568 (24–28 กรกฎาคม)
จุดเริ่มต้น (24 กรกฎาคม)
-
กัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์
-
กองทัพไทยตอบโต้โดยใช้ปืนใหญ่ น้ำหนักอาวุธหนักตามแนวชายแดน
ขยายวงปะทะ (ต่อเนื่อง 24–25 กรกฎาคม)
-
การปะทะลุกลามไปยังหลายจังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
-
ไทยใช้เครื่องบิน F-16 โต้ตอบในพื้นที่ช่องอานม้า และทำลายฐานทหารกัมพูชา
-
มีการใช้จรวด BM-21 ยิงใส่ปั๊มน้ำมันในศรีสะเกษ เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
-
จำนวนผู้เสียชีวิตและผลกระทบทางอ้อม:
-
ศูนย์ช่วยเหลือประเมินว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 43 ราย และผู้พลัดถิ่นกว่า 300,000 คน
-
Human Rights Watch รายงานว่า ภายใน 2 วัน มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย (รวมทั้งเด็กอายุ 8 และ 15 ปี) และบาดเจ็บ 31 ราย
-
มีการโจมตีโรงพยาบาล ซูเปอร์มาร์เก็ต วัด และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
-
-
กัมพูชาร้องเรียนว่าไทยใช้ cluster munitions (แม้ทั้งสองไม่ได้เป็นภาคีอนุสัญญาห้ามอาวุธแบบกระจายในประชากร) ซึ่ง HRW มองว่าส่งผลต่อพลเรือนอย่างไม่เลือกเป้าหมาย
-
ตำรวจได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ และมีการอพยพประชาชนจำนวนมาก ห้ามเรียนในโรงเรียน และปิดโรงพยาบาลหลายแห่ง
การเจรจายุติรุนแรง (ปลายเดือนกรกฎาคม)
-
ประเทศมาเลเซีย (ในฐานะประธานอาเซียน) และสหรัฐฯ เข้าแทรกแซง ด้วยการเรียกร้องหยุดยิง
-
ไทยและกัมพูชาประกาศ “หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข” มีผลตั้งแต่ 29 กรกฎาคม 2568
4. เหตุระเบิดจากกับระเบิด (สิงหาคม 2568)
-
วันที่ 12 สิงหาคม: ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกับระเบิดสนามที่ฝั่งกัมพูชา
-
ไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและสนธิสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับกับระเบิด
-
กัมพูชาปฏิเสธ อ้างว่าเป็นซากของกับระเบิดเก่า
-
-
ASEAN ได้ส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาตรวจสอบชายแดน
สรุปสถานการณ์ในปี 2568
|
ความสูญเสีย |
รายละเอียด |
|---|---|
|
เสียชีวิต |
พลเรือนไทย–กัมพูชา หลายสิบราย (รวมเด็ก) และทหารเสียชีวิตจำนวนมาก |
|
บาดเจ็บ |
มีพลเมืองบาดเจ็บหลายสิบราย จากการยิงระเบิด และทิ้งระเบิด |
|
พลัดถิ่น |
จำนวนชาวไทยอพยพ มากกว่า 100,000 คน, จำนวนชาวกัมพูชาอพยพ 130,000–300,000 คน |
|
โครงสร้างเสียหาย |
โรงพยาบาล, โรงเรียน, วัด และโครงสร้างสาธารณะถูกยิงทำลาย |
|
อาวุธหนัก |
มีการใช้ F-16, BM-21, cluster munitions, ปืนใหญ่, กับระเบิดสนาม |
|
เจรจา/หยุดยิง |
หยุดยิง 29 ก.ค. 2568 หลังการเจรจาในมาเลเซียและแรงกดดันทูตสากล |
|
ผลต่อเศรษฐกิจ |
ก่อแรงกดดันท้องถิ่นและอุตสาหกรรมไทยจากความไม่แน่นอนชายแดน |




