การดูแลเท้าเบื้องต้น และโรคของเท้า
การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้าของเราจะทำให้เกิด โรคเท้าด้าน ตาปลา แผลพุพอง เล็บขบ และอาการระคายเคืองอื่น ๆ
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับผิวหยาบกร้านและหนังด้านที่เท้าคือ “สวมรองเท้าที่เหมาะสม ทำความสะอาดรองเท้าทุกวัน และนำรองเท้าไปตากแดดเพื่อลดความชื้นในรองเท้า”
แคลลัสหรือผิวหนังหนาเป็นผลมาจากแรงกดหรือมีการเสียดสีผิวบริเวณนั้นบ่อย หรือเป็นผลมาจากโครงสร้างหรือการทำงานของเท้าที่ผิดปกติ”
คุณสามารถใช้หินภูเขาไฟขัดเบาๆที่ผิวด้านๆนั้นเพื่อขัดออกหรือใช้ครีมทาให้ผิวนุ่มขึ้น แต่ไม่แนะนำให้ใช้มีดโกนตัดออกเอง หรือให้ช่างทำเล็บตัดหนังด้าน เพราะถ้ามีปัญหาเรื่องเบาหวาน หรือการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ถ้าเกิดแผลผลที่ตามมาอาจทำให้รักษายากขึ้น
แนะนำให้ปรึกษาหมอผิวหนัง หรือหมอศัลยกรรม เพื่อแก้ปัญหาหนังด้านที่เท้าหรือนิ้วเท้า
สำหรับนักวิ่งที่เจอปัญหาตาปลาหรือแผลผุพอง การเจาะให้น้ำออกจากแผลผุพอง ไม่ควรเอาลอกเอาผิวออก แต่ให้ทาน้ำยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่และปิดด้วยผ้าพันแผลเพื่อป้องกันเชื้อโรค
การป้องกันเล็บขบ ให้ตัดเล็บเป็นแนวตรง หากมีเล็บคุดที่เจ็บปวด อย่าตัดมันด้วยตัวเอง
การกำจัดกลิ่นเท้า
การอาบน้ำทุกวันและใช้เวลาในการเช็ดผิวระหว่างนิ้วเท้าให้แห้ง จะช่วยป้องกันกลิ่นและการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา เช่น เท้าของนักกีฬา
เคล็ดลับ: หากมีอาการคันที่เท้า ให้ลองแช่ด้วยลิสเตอรีนอาจผสมดีเกลือฝรั่ง(เกลือสปา/ เกลือขัดผิว) น้ำส้มสายชู หรือ น้ำมะนาว หรือ ชาคาโมมาลย์ กับน้ำอุ่น 1 แกลลอน (สูตร https://www.medicalnewstoday.com/articles/317588#Listerine_foot_soak_recipes) จะทำให้รู้สึกเท้าเนียนขึ้น การแช่เท้าด้วยลิสเตอรีนไม่เหมาะสำหรับคนที่แพ้ง่าย
ฝ่าเท้าของเราเป็นหน้าต่างสู่สุขภาพโดยรวม “เท้ามักจะสะท้อนร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น” “เราเห็นสิ่งต่างๆ เช่น การไหลเวียนโลหิตลดลง ผิวหนังบางลง กระดูกเปราะ กล้ามเนื้อลีบ ข้ออักเสบ ฯลฯ อาการเหล่านี้หลายอย่างสามารถแสดงอาการเจ็บป่วยที่เท้าและข้อเท้า”
ที่มา : https://www.healthline.com/health/tips-for-healthy-feet-footwear-hygiene#aging-your-feet-gracefully