ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ เรื่องโรคงูสวัด เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง
โรคงูสวัดเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เรียกว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคสุกใส และเป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสเริม โดยที่ผู้ป่วยที่เป็นโรคสุกใสแล้ว เมื่อหายจากโรค เชื้อไวรัสจะเข้าไปซ่อนในปมประสาท และจะถูกกระตุ้นเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ซึ่งไวรัสจะมีการแบ่งตัวทำให้การปล่อยเชื้อไวรัสออกมาตามแนวเส้นประสาท เกิดการกระตุ้นของไวรัส varicella ที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด และมักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ป่วยที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
โดยอาการแสดงเบื้องต้นคือ ปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังซึ่งถูกควบคุมโดยแนวเส้นประสาทนั้น ต่อมาจะมีผื่นแดงตามด้วยตุ่มน้ำในลักษณะเป็นกลุ่มเรียงตัวตามแนวเส้นประสาท โดยที่ตุ่มน้ำสามารถกลายเป็นตุ่มหนองและแตกเป็นแผล หรือเป็นสะเก็ดตามมาได้ ป้องกันได้โดยวัคซีน (Zoster vaccine) การฉีดวัคซีน zoster จะใช้ในผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปี หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ และการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการดูแลสุขภาพ ลดความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
สำหรับภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจจะพบได้คือ โรคปวดเส้นประสาท การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง รวมไปถึงโรคแทรกซ้อนที่พบได้น้อยที่มีความรุนแรงสูง เช่น โรคงูสวัดขึ้นตาซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้ โรคหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ภาวะแทรกซ้อนอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ ดังนั้นเมื่อเป็นโรคงูสวัดควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การรักษาต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่ https://www.iod.go.th/ หรือโทร 0-2354-5222
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/XYv9dAF3dsw5i6K3/?mibextid=oFDknk