ธุรกิจร้านตัดเสื้อผ้ากับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก

เมื่อหลายสิบปีก่อน เวลานักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทย ที่เราเห็นส่วนมากก็จะมาเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น วัดวาอาราม อุทยานประวัติศาสตร์ ชอปปิ้งตามร้านขายของที่ระลึก ร้านจิวลี่ แล้วก็พักตามโรงแรมในเมือง ตามจังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆในไทย

แต่ใครจะรู้บ้างว่าก็มีบางกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเวลามาประเทศไทย ก็คือการตัดชุดเสื้อผ้ากลับบ้าน ซึ่งแต่ก่อนมัคคุเทศก์ก็มักจะทำตามการร้องขอจากนักท่องเที่ยวว่าให้พาไปร้านตัดเสื้อให้หน่อย เพราะที่บ้านเมืองเค้าค่าตัดเสื้อผ้าจะแพงมาก ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มีฐานะดี จึงจะเข้าร้านตัดเสื้อได้ 

เมื่อนำนักท่องเที่ยวไปจอดที่ร้านตัดเสื้อผ้าหรือที่เรียกว่า Tailor Shop ในช่วงระยะแรกๆ จะมีการตัดเสื้อผ้าและลูกค้าก็จะชำระเงิน ให้กับร้านตามปกติ แต่ต่อมาในระยะหลัง

หลังจากนักท่องเที่ยวกลับบ้านไป ก็ได้มีการบอกต่อเพื่อนนักท่องเที่ยวด้วยกันว่า มีร้านตัดเสื้อผ้าที่เมืองไทยมีราคาถูกและมีฝีมือการตัดเย็บที่ดีเยี่ยม” 

เมื่อมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เกิดมีร้านตัดเสื้อจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน ทำให้กิจการร้านตัดเสื้อมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กำไรก็เพิ่มมากขึ้น ร้านตัดเสื้อจึงมีการจ่ายสินน้ำใจให้กับมัคคุเทศก์หรือรถแท๊กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก หรือพนักงานโรงแรมที่ส่งลูกค้าให้กับร้าน ที่นำลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้าน จึงเกิดการจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าน้ำให้กับมัคคุเทศก์หรือรถแท็กซี่ตุ๊กๆที่นำนักท่องเที่ยวมาจากสนามบินตรงมาที่ร้านตัดเสื้อเลย แบบนี้ถือเป็นการกระจายรายได้ด้วย

นอกจากการบริการตัดเสื้อผ้าแล้ว ที่ร้านยังมีบริการ แก้ไขชุด ปรับเปลี่ยนทรง เมื่อนักท่องเที่ยวลองใส่แล้วไม่พอดีอาจจะหลวมไปหรือคับไป ช่างตัดเสื้อก็สามารถแก้ไขได้ในเวลาอันรวดเร็ว และมีบริการการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ที่โรงแรมหรือถ้าส่งที่โรงแรมไม่ทันก็จะตามไปส่ง ถึงสนามบินหรือที่บ้านของนักท่องเที่ยวในต่างประเทศได้เลย

ชุดที่นักท่องเที่ยวส่วนมากชอบตัดคือชุดสูททำงาน ไม่ว่าทั้งชายหรือหญิงและจะตัดกันในราคาค่อนข้างสูงไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทถึง 30,000 บาทต่อคน ถ้าลูกค้ามากันเป็นกลุ่มหรือกรุ๊ปทัวร์ราคาก็จะเป็นแสนบาทเลยทีเดียวจึงทำให้ร้านตัดเสื้อในยุคนั้นมีรายได้เป็นกอบเป็นกำและสร้างกำไรได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ บริษัททัวร์ ก็อาจจะได้ค่าคอมมิชชั่น จากร้านตัดเสื้อด้วย

ลูกจ้าง ร้านตัดเสื้อผ้า ของร้านโดยมากก็จะเป็นชาวอินเดีย หรือบังคลาเทศที่มาทำงานในเมืองไทย เพราะมีฝีมือดี ที่ตั้งร้านก็จะเป็นย่านใจกลางเมือง ใกล้โรงแรมหรู เช่น ย่านประตูน้ำ บางรัก สามเสน เจริญกรุง สีลม

แต่ในปัจจุบัน อาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทั่วโลกเพราะพิษโควิด-19 ทำให้สินค้าแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ทำให้ลูกค้าลดลงไปด้วย นอกจากต้องเป็นลูกค้านักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเท่านั้นถึงจะมาใช้บริการได้

หลายธุรกิจต้องปิดไป แต่หลายแห่งรอการฟื้นฟู และหลายๆคน ต้องหาอาชีพใหม่ๆ เพื่อยังชีพให้รอดผ่านวิกฤติ โควิด-19 ไปให้ได้