วิกฤตความมั่นคงทางอาหาร เมื่อโลกใบนี้ร้อนเกินไป
“เมื่ออุณหภูมิของโลกยังคงเพิ่มขึ้น อาจสร้างความเสียหายต่อระบบผลิตอาหารและห่วงโซ่อาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงมากขึ้น จึงนำไปสู่ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ภาวะโภชนาการไม่เพียงพอต่อสิ่งมีชีวิต”
อาหาร คือ ปัจจัยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ซึ่งยังมีประชากรโลกจำนวนมากที่ต้องเผชิญต่อความอดอยาก ขาดแคลนอาหาร จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและอาจรุนแรงถึงชีวิต และการขาดแคลนทางอาหารนั้นจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย หลังจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปัจจุบันกำลังคุกคามความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก รวมถึงสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้ว เกิดคลื่นความร้อน ภัยแล้ง แผ่นดินไหว และน้ำท่วม ทำลายผลผลิตทางการเกษตร ระบบนิเวศ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารที่เคยสมดุล
ปัจจุบัน ‘ความมั่นคงด้านอาหาร’ กลายเป็นปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่หลายประเทศกำลังเผชิญ ทำให้ขีดความสามารถในการผลิตอาหารลดลง แต่ราคาอาหารพุ่งสูง และผู้คนเสี่ยงอดอยาก ซึ่งผลกระทบดังกล่าว อาจทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นอีกในอนาคต โดยอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ในปี 2593 ทำให้ประชากรกลุ่มเปราะบางเข้าถึงอาหารได้ยากลำบากยิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะอดอยากและขาดสารอาหารในวงกว้าง
ความมั่นคงทางอาหารคืออะไร?
ตามคำนิยามขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ความมั่นคงทางอาหาร หมายถึง สภาวะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการได้ตลอดเวลา โดยครอบคลุม 4 มิติ ดังนี้
• การมีอาหารเพียงพอ: มีอาหารคุณภาพดีในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ
• การเข้าถึงอาหาร: ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างเท่าเทียม
• การใช้ประโยชน์จากอาหาร: ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• การมีเสถียรภาพด้านอาหาร: การเข้าถึงอาหารมีความมั่นคง ไม่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลน
โดยรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ชี้ให้เห็นว่า หากอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้นเกิน 1.5°C จะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางอาหารที่รุนแรงยิ่งขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรจะลดลง ราคาอาหารจะสูงขึ้น และประชากรกลุ่มเปราะบางจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
หากจะกล่าวถึง ประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และศักยภาพในการผลิตอาหารสูง แต่ก็ยังมีความท้าทายในการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
ดัชนีความมั่นคงทางอาหารของไทยก็ปรับลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางทางความมั่นคงด้านอาหาร
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันรับมือกับวิกฤตนี้ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกัน โดยมีแนวทางแก้ไข ดังนี้
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: เปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลาสติก
• ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน: ลงทุนในการพัฒนาพันธุ์พืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
• ลดขยะอาหาร: วางแผนการบริโภค บริจาคอาหารส่วนเกิน
• สร้างความตระหนัก: ให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการและการบริโภคที่ยั่งยืน
วิกฤตความมั่นคงทางอาหารเป็นปัญหาที่ซับซ้อน ดังนั้น การรับมือกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงด้านอาหารในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทุกวันนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อวางแผน กลยุทธ์ ที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ โดยมีการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดี ส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน และสร้างความคล่องตัวในการรับมือกับภัยธรรมชาติ ซึ่งอาจเป็นวิธีที่ดีในการแก้ไขปัญหากวิกฤติความมั่นคงด้านอาหารได้ในอนาคต
ที่มา :https://www.facebook.com/share/p/C8wDF7yQ2Nkw8UXE/?mibextid=oFDknk