สรุปเรื่องมูลนิธิของพระอลงกต

สรุปเรื่องมูลนิธิของพระอลงกต

หลวงพ่ออลงกต ติกฺขปญฺโญ (หรือพระราชวิสุทธิประชานาถ) เป็นพระภิกษุชาวไทย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ผู้มีชื่อเสียงด้านการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์เด็กกำพร้าคนชราและผู้ด้อยโอกาสมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับท่านไม่ได้ตั้งชื่อท่านเป็นประธานหรือกรรมการโดยตรงแต่จัดตั้งขึ้นตามดำริของท่านเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของวัดพระบาทน้ำพุโดยมูลนิธิเหล่านี้แยกจากวัดอย่างสิ้นเชิงเพื่อรับบริจาคและดำเนินโครงการสงเคราะห์สังคม

จากข้อมูลที่ตรวจสอบได้มี

**มูลนิธิหลักที่เกี่ยวข้อง**

จากข้อมูลการตรวจสอบ พบว่ามีมูลนิธิที่จดทะเบียนภายใต้วัดพระบาทน้ำพุทั้งหมด **6 แห่ง** (ข้อมูล ณ ปี 2568) โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์และกลุ่มเปราะบาง:

-1 **มูลนิธิธรรมรักษ์**:

  – ก่อตั้งเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์โดยเฉพาะ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2535 (กว่า 30 ปี)

  – ดูแลผู้ป่วยประมาณ 2,000 คน (ปัจจุบันเหลือประมาณ 140 คนที่ยังต้องดูแลติดเตียง) รวมถึงเด็กกำพร้าจากเอดส์

  – ค่าใช้จ่ายรายเดือนประมาณ 4 ล้านบาท (อาหาร ยา การจัดการภายในวัด และพิธีเผาศพ)

  – ประธาน: นายเฉลิมพล พลมุข (ญาติของบุคคลที่ชื่อซ้ำกับหลวงพ่อ)

  – วัตถุประสงค์: รักษา ฟื้นฟู และป้องกันโรค โดยใช้หลักธรรมะผสมผสานกับการแพทย์

-2 **มูลนิธิอาทรประชานาถ**:

  – รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ป่วย HIV เด็กกำพร้า และคนชรา

  – มีบัญชีธนาคารสำหรับรับเงินบริจาค (แต่เคยมีประเด็นตรวจสอบเลขบัตรประชาชนที่เชื่อมโยงกับบัญชี)

-3**มูลนิธิธนาคารบุญเจ้าคุณอลงกต**:

  – จัดการเงินบริจาคและโครงการบุญ เช่น ไถ่ชีวิตโคกระบือ สร้างโรงเรียน และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

  – ชื่อมูลนิธิอ้างอิงถึงหลวงพ่อโดยตรง เพื่อสะสมบุญและกระจายความช่วยเหลือ

– 4**มูลนิธิฟ้าสร้างไทย**:

  – กำลังดำเนินการยุบเลิก (ข้อมูลล่าสุด)

  – เคยสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อม

– 5**มูลนิธิพุทธสถานลพบุรีศรีสุวรรณภูมิ**:

  – เน้นโครงการทางพุทธศาสนาและสถานที่ปฏิบัติธรรม

-6 **มูลนิธินาถะ**:

  ช่วยเหลือผู้ยากไร้และโครงการสังคมสงเคราะห์ทั่วไป

วัตถุประสงค์และกิจกรรมหลัก

  • มูลนิธิเหล่านี้เกิดจากดำริของหลวงพ่ออลงกต เพื่อขยายการช่วยเหลือจากวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเริ่มรับผู้ป่วยเอดส์ครั้งแรกในปี 2535 (เดิมมีผู้ป่วยกว่า 2,000 คน ปัจจุบันลดลงเนื่องจากยาต้านไวรัส)
  • กิจกรรมเด่น:
    • ดูแลผู้ป่วย HIV/เอดส์: ให้ที่พัก อาหาร ยา และการฟื้นฟูจิตใจ ปัจจุบันดูแลรวม 1,260 คน (รวมเด็กและคนชรา)
    • ช่วยเด็กกำพร้าและผู้ด้อยโอกาส: สร้างโรงเรียน ส่งเสริมการศึกษา และบ้านพักคนชรา
    • โครงการบุญอื่น ๆ: ไถ่ชีวิตสัตว์ บริจาคสิ่งของ (บางส่วนจากหน่วยงานรัฐที่เป็น “ขยะ” แต่รีไซเคิลใช้ได้) และกิจกรรมทางธรรม
  • การเงิน: รับบริจาคผ่านบัญชีธนาคาร (มี 8 บัญชีหลัก) โดยมีกรรมการวัด 13 คน (ชุดใหญ่) และ 5 คน (ชุดเล็ก) ตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส หลวงพ่ออลงกตไม่แตะเงินโดยตรง แต่เคยมีประเด็นตรวจสอบเงินบริจาคจากบุคคลภายนอก (เช่น กรณี “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ที่ระดมทุนแต่ตัวเลขไม่ตรง)
ประเด็นถกเถียงและการตรวจสอบล่าสุด (ปี 2568)

  • มูลนิธิเหล่านี้แยกจากวัด แต่ถูกตรวจสอบจากสำนักพุทธศาสนา (พศ.) เนื่องจากหลวงพ่ออลงกตลาออกจากเจ้าอาวาสเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 หลังประเด็นวุฒิการศึกษาปลอมและชื่อซ้ำกับบุคคลผู้ล่วงลับ (นายอลงกต พลมุข)
  • ปัญหาที่เกิด:
    • บัญชีมูลนิธิอาทรประชานาถเคยเชื่อมพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนที่ซ้ำกับผู้ตาย (ธนาคารกรุงเทพยืนยันและอายัดบัญชีเมื่อ 24 ส.ค. 2568)
    • มีการแจ้งความจากผู้บริจาค (เช่น “เจ๊หนึ่ง บางปู” บริจาคกว่า 5 ล้านบาท) ว่าอาจไม่โปร่งใส กองปราบปรามกำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่ดินวัด (กว่า 2,000 ไร่)
    • นายเฉลิมพล พลมุข (ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์) ชี้แจงว่า ชื่อซ้ำเป็นเรื่องปกติสมัยก่อน และของบริจาคบางส่วนเป็นขยะจากรัฐที่นำมาใช้ใหม่ ไม่ใช่ทุจริต
  • การชี้แจงจากวัดและมูลนิธิ: ยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ ช่วยเหลือผู้ป่วยจริง (มีหลักฐานผู้ป่วย 140 คนที่ยังต้องใช้แพมเพิสและยา) และกำลังปรับระบบให้โปร่งใสยิ่งขึ้น พศ.กำลังตรวจสอบทรัพย์สินและประวัติใหม่
  • กรมการปกครองยืนยัน: ชื่อหลวงพ่อคือ “อลงกต พูลมุข” (มีสระอู) ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” (ผู้ตาย) และเลขบัตรประชาชนต่างกัน

ผลกระทบและสถานะปัจจุบัน

  • มูลนิธิยังดำเนินการต่อ แม้หลวงพ่ออลงกตจะลาออก แต่กิจกรรมช่วยเหลือไม่หยุด 
  • สังคมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโปร่งใส โดยเฉพาะหลังข่าวเงินบริจาคและวุฒิปลอม แต่มีผู้ศรัทธายังสนับสนุน โดยมองว่าเป็นพระนักบุญที่ช่วยสังคมมานานกว่า 30 ปี
  • สถานะทางสงฆ์ของพระอลงกต ล่าสุด วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ปัจจุบันท่านพ้นจากสมณเพศแล้ว และจะถูกดำเนินคดีในฐานะฆราวาส การสึกเกิดหลังถูกจับกุม ไม่ใช่การลาสิกขาโดยสมัครใจ แต่เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม (พระที่ถูกจับในคดีอาญามักต้องสึกเพื่อสอบสวน) 
ข้อมูลนี้สรุปจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เช่น กรมการปกครอง พศ. และรายงานสื่อ (อัปเดตถึงสิงหาคม 2568)

You cannot copy content of this page คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้

Scroll to Top