กระแสชาไทยไม่ใส่สี จนถึง Nestlé ยกเลิกสีผสมอาหารเทียม

กระแสชาไทยไม่ใส่สี จนถึง Nestlé ยกเลิกสีผสมอาหารเทียม

ความนิยมของชาไทย (Thai Tea หรือ ชาเย็น)

  • การเติบโตของร้านชา: จากข้อมูลของ Nation Thailand ร้านเครื่องดื่มที่ขายชาไทยแบบพิเศษ (specialty Thai tea) ในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 205% ในช่วงสามปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและความนิยมที่เพิ่มขึ้น

     
  • เทรนด์รักสุขภาพ: มีการพูดถึงใน X ว่าเทรนด์ชาไทยที่ไม่ใส่สีผสมอาหารกำลังมาแรง
  • ในจีน: ชาไทยได้รับความนิยมในจีนเนื่องจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากใบชาไทยและเครื่องเทศผสม รวมถึงความหวานจากนมข้นหวาน ซึ่งดึงดูดผู้บริโภคในจีนที่ชื่นชอบเครื่องดื่มรสเข้ม

     
  • ในสหรัฐฯ และที่อื่น ๆ: ชาไทยถูกจัดอันดับเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ยอดนิยมอันดับ 7 ของโลกโดย TasteAtlas ในปี 2566 สะท้อนถึงความนิยมที่ขยายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในร้านอาหารไทยและร้านบับเบิ้ลที

     
  • ข้อจำกัดในต่างประเทศ: ผู้ใช้บางราย เช่น  @itswindylanddd
    ระบุว่าชาไทยในต่างประเทศมักพบได้ในร้านอาหารไทยเท่านั้น และไม่แพร่หลายเท่าชานมไต้หวันในร้านทั่วไป นอกจากนี้ สีส้มที่ใช้ในชาไทยบางยี่ห้อถูกแบนในหลายประเทศ เนื่องจากเป็นสีผสมเทียม เช่น Yellow #6

จากข่าวนี้ที่เป็นกระแสใน X  “Nestlé ยกเลิกสีผสมอาหารเทียม”

Nestlé ประกาศว่าจะยกเลิกการใช้สีผสมอาหารเทียมในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในสหรัฐอเมริกาภายในกลางปี 2569 (2026) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มในอุตสาหกรรมอาหารที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและสุขภาพของผู้บริโภค การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากผู้บริโภคและหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงคำขอจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ที่ให้อุตสาหกรรมอาหาร ลดการใช้สีผสมอาหารที่ทำจากปิโตรเลียม ซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องดื่มกีฬา โยเกิร์ต และลูกอม

  • ระยะเวลาการดำเนินการ:
    • Nestlé วางแผนจะเปลี่ยนไปใช้สีผสมอาหารจากธรรมชาติหรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สีผสมเทียมภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ประกาศ (มิถุนายน 2568) โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในกลางปี 2569.
  • บริบทในอุตสาหกรรม:
    • การตัดสินใจนี้สอดคล้องกับบริษัทอาหารรายใหญ่อื่น ๆ เช่น General Mills ที่วางแผนจะยกเลิกสีผสมเทียมในซีเรียลและอาหารที่เสิร์ฟในโรงเรียนระดับ K-12 ในสหรัฐฯ ภายในกลางปี 2569.

       
    • การเคลื่อนไหวนี้ตอบสนองต่อความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของสีผสมเทียม เช่น สีที่ทำจากปิโตรเลียม ซึ่งบางการศึกษาเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพในเด็ก เช่น อาการสมาธิสั้น (ADHD) แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจาก FDA.

สีที่ทำจากปิโตรเลียม (petroleum-based food colorings)

หรือที่เรียกกันว่าสีสังเคราะห์ (synthetic food dyes) มักถูกใช้ในอาหารเพื่อเพิ่มสีสันและความน่าสนใจ สีเหล่านี้มักได้มาจากสารเคมีที่สกัดจากปิโตรเลียมหรือถ่านหิน (coal tar) และได้รับการอนุญาตให้ใช้ในอาหารโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหาร เช่น FDA หรือ EFSA ตัวอย่างสีที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ Tartrazine (Yellow 5), Sunset Yellow (Yellow 6), Allura Red (Red 40), Brilliant Blue (Blue 1) และอื่น ๆ อาหารที่อาจมีสีจากปิโตรเลียม:
  1. ลูกอมและขนมหวาน
    • ลูกอมสีสันสดใส เยลลี่ กัมมี่ และช็อกโกแลตเคลือบสี มักใช้สีอย่าง Red 40, Yellow 5, หรือ Blue 1 เพื่อดึงดูดสายตา
  2. เครื่องดื่ม
    • น้ำอัดลม น้ำผลไม้ผสม เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มเกลือแร่สีสันจัดจ้าน เช่น สีแดงในเครื่องดื่มเชอร์รี่ หรือสีน้ำเงินในเครื่องดื่มสปอร์ต
  3. ของว่างและขนมขบเคี้ยว
    • ขนมขบเคี้ยว เช่น มันฝรั่งทอด ชีสปั๊ฟ ข้าวโพดคั่วปรุงรส หรือแครกเกอร์ที่มีสีสัน
  4. ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่
    • เค้ก คุกกี้ โดนัท และขนมอบที่มีการตกแต่งด้วยไอซิ่งหรือครีมสีสันสดใส เช่น ฟรอสติ้งสีชมพูหรือเขียว
  5. อาหารแปรรูป
    • ไส้กรอก ฮอทด็อก อาหารสำเร็จรูป หรือชีสแปรรูปบางชนิดอาจใช้สีเพื่อปรับลักษณะให้ดูน่ารับประทาน
  6. ไอศกรีมและของหวานแช่แข็ง
    • ไอศกรีมสีสันสดใส เช่น สีเขียวมิ้นต์ สีแดงสตรอว์เบอร์รี่ หรือสีน้ำเงินในไอศกรีมรสผลไม้
  7. ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
    • ซีเรียลอาหารเช้าสีสันจัดจ้าน ขนมหวาน หรือโยเกิร์ตที่มีสีเพื่อดึงดูดเด็ก
  8. ยาและวิตามิน
    • บางครั้งสีสังเคราะห์ถูกใช้ในยาเม็ด ลูกอมเคี้ยววิตามิน หรือยาน้ำเพื่อให้ดูน่าสนใจ
หมายเหตุ:
  • สีเหล่านี้ได้รับการอนุมัติว่า ปลอดภัย ในปริมาณที่กำหนดโดยหน่วยงาน เช่น FDA หรือ สำนักงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือไวต่อสารในบางคน
  • ในประเทศไทย สีสังเคราะห์ที่ใช้ในอาหารต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) และต้องระบุบนฉลาก เช่น “สีสังเคราะห์” หรือรหัสสี เช่น INS 102 (Tartrazine)
  • หากต้องการหลีกเลี่ยงสีจากปิโตรเลียม สามารถเลือกอาหารที่มีสีจากธรรมชาติ เช่น สีจากบีทรูท (แดง) ขมิ้น (เหลือง) หรือสาหร่ายสไปรูลิน่า (น้ำเงิน)

แล้วเราจะเลือกใช้สีผสมอาหารจากธรรมชาติอะไรได้บ้าง

สีผสมจากธรรมชาติที่อาจใช้ทดแทนสีผสมอาหารเทียม :

  1. สีแดงจากบีทรูท (Beetroot Extract)
    • ที่มา: สกัดจากรากบีทรูท
    • ลักษณะ: ให้สีแดงเข้มถึงสีชมพู
    • การใช้งาน: เหมาะสำหรับเครื่องดื่ม ไอศกรีม และโยเกิร์ต
    • ข้อดี: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แต่สีอาจเปลี่ยนเมื่อสัมผัสความร้อนหรือ pH ที่เปลี่ยนแปลง
    • ตัวอย่างในอุตสาหกรรม: ใช้ในเครื่องดื่มสีแดงหรือลูกอมบางยี่ห้อ
  2. สีเหลืองจากขมิ้น (Turmeric Extract)
    • ที่มา: สกัดจากรากขมิ้นชัน (สารเคอร์คูมิน)
    • ลักษณะ: ให้สีเหลืองสดใส
    • การใช้งาน: ใช้ในขนมอบ ซอส และเครื่องดื่ม เช่น นมขมิ้น
    • ข้อดี: มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ แต่ต้องควบคุมปริมาณเพื่อหลีกเลี่ยงรสชาติที่เข้มข้น
    • ข้อจำกัด: สีอาจจางลงเมื่อสัมผัสแสงนาน ๆ
  3. สีส้มจากแครอทหรือพริกปาปริกา (Carrot or Paprika Extract)
    • ที่มา: สกัดจากแครอท (เบต้าแคโรทีน) หรือพริกปาปริกา
    • ลักษณะ: ให้สีส้มถึงแดงอ่อน
    • การใช้งาน: เหมาะสำหรับชีส ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม
    • ข้อดี: มีวิตามินเอจากเบต้าแคโรทีน และค่อนข้างทนต่อความร้อน
    • ตัวอย่างในอุตสาหกรรม: ใช้ในผลิตภัณฑ์ชีสสีส้มหรือเครื่องดื่มผสมวิตามิน
  4. สีเขียวจากสาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina)
    • ที่มา: สกัดจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
    • ลักษณะ: ให้สีเขียวสด
    • การใช้งาน: ใช้ในสมูทตี้ ลูกอม และไอศกรีม
    • ข้อดี: อุดมไปด้วยโปรตีนและสารอาหาร มีภาพลักษณ์เป็น “ซูเปอร์ฟู้ด”
    • ข้อจำกัด: อาจมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ต้องจัดการในสูตร
  5. สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน (Butterfly Pea Flower)
    • ที่มา: สกัดจากดอกอัญชัน ซึ่งนิยมในประเทศไทย
    • ลักษณะ: ให้สีน้ำเงินหรือม่วง ขึ้นอยู่กับ pH
    • การใช้งาน: เหมาะสำหรับเครื่องดื่ม ขนมหวาน และไอศกรีม
    • ข้อดี: เป็นที่นิยมในเอเชียและปลอดภัยสูง ในไทยมักใช้ในน้ำอัญชันหรือของหวาน
    • ข้อจำกัด: สีอาจเปลี่ยนเมื่อผสมกับส่วนผสมที่เป็นกรด
  6. สีม่วงจากมันม่วงหรือองุ่น (Purple Sweet Potato or Grape Extract)
    • ที่มา: สกัดจากมันม่วงหรือเปลือกองุ่น
    • ลักษณะ: ให้สีม่วงเข้มถึงแดง
    • การใช้งาน: ใช้ในขนมอบ เครื่องดื่ม และโยเกิร์ต
    • ข้อดี: มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
    • ตัวอย่างในไทย: มันม่วงนิยมใช้ในของหวานและเครื่องดื่ม
ความท้าทายและแนวโน้ม:
  • ความคงตัว: สีจากธรรมชาติมักไม่คงทนต่อความร้อน แสง หรือ pH เท่าสีผสมเทียม อาจต้องลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตเพื่อรักษาคุณภาพ
  • ต้นทุน: สีจากธรรมชาติมีราคาสูงกว่าสีผสมเทียม ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาผลิตภัณฑ์
  • ความนิยมในไทย: ในประเทศไทย สีจากธรรมชาติ เช่น อัญชันหรือขมิ้น
 

You cannot copy content of this page คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้

Scroll to Top